วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2566

ศทอ.สฎ.ลงพื้นที่ติดตามการระบาดของด้วงหมัดผัก

วันที่ 21 มีนาคม 2566 นางชนิดา ตะเภาน้อย นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ   นายจิรยุทธ จิตราภิรมย์ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ นายสุทธิศักดิ์ ทองโอ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการ และ นายปัญจ์ชิเน เชื้อชาญพล นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ศูนย์ส่งเสริมเทคโนโลยีการเกษตรด้านอารักขาพืช จังหวัดสุราษฎร์ธานี พบว่ามีการเข้าทำลายของด้วงหมัดผักซึ่งด้วงหมัดผักเข้าทำลายทุกระยะ ตัวอ่อนด้วงหมัดผักเข้าไปกินบริเวณรากหรือโคนต้นโคน ทำให้พืชผักเหี่ยวเฉาและไม่เจริญเติบโต ถ้ารากถูกทำลายทำให้พืชตายได้  ตัวเต็มวัยชอบกัดผิวด้านล่างของใบทำให้ใบเป็นรูพรุน และอาจกัดกินผิวลำต้น และกลีบดอกด้วย ด้วงหมัดผักชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ตัวเต็มวัยเมื่อถูกกระทบกระเทือนจะกระโดด และสามารถบินได้ไกล นอกจากนี้ทางศูนย์ฯยังได้สนับสนุนสารชีวภัณฑ์ สารสกัดสะเดา และกากเมล็ดสะเดาบดสำเร็จรูป  ณ แปลงผักบางท่าข้าม ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 
ด้วงหมัดผักแถบเหลือง หรือด้วงหมัดผักแถบลาย (Striped Flea Beetle) 
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Phyllotreta sinuata 
วงศ์ : Chrysomelidae 
อันดับ : Coleoptera
รูปร่างลักษณะ และวงจรชีวิต 
    ด้วงหมัดผักแถบลายวางไข่เป็นฟองเดี่ยว ๆ หรือกลุ่มบริเวณโคนต้นพืช เส้นกลางใบพืช และตามพื้นดิน ไข่รูปร่างคล้ายไข่ไก่ ขนาด 3 x 0.27 มม. สีขาวอมเขียว ผิวเรียบเป็นมัน และจะเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอ่อนก่อนฟักเป็นตัว ระยะไข่ 3 – 4 วัน ตัวหนอนมีสีขาว ส่วนหัวและส่วนท้องปล้องแรกมีสีน้ำตาล มีจุดสีน้ำตาลตามลำตัวและแผ่นหลังสีน้ำตาลอยู่ทางด้านบนของปล้องสุดท้ายของลำตัว หนอนอาศัยอยู่ในดิน ระยะหนอน 10 – 14 วัน และเข้าดักแด้ในดิน ส่วนปีกและขาของดักแด้แยกจากลำตัวเป็นอิสระเคลื่อนไหวได้ ระยะดักแด้ 4 – 5 วัน ตัวเต็มวัยเป็นด้วงขนาดเล็ก ยาวประมาณ 2 – 2.5 มม. ปีกคู่หน้าสีดำมีแถบเหลืองสองแถบพาดตามความยาวด้านล่างลำตัวสีดำ ขาคู่หลังขยายใหญ่และโตกว่าขาคู่อื่นๆ หนวดเป็นแบบเส้นด้าย อายุตัวเต็มวัย 30 – 60 วัน ผสมพันธุ์ได้หลายครั้ง เพศเมียแต่ละตัววางไข่ได้ 80 – 200 ฟอง 
ลักษณะการทำลาย 
    ด้วงหมัดผักเป็นแมลงปีกแข็งชนิดเดียวที่เป็นศัตรูสำคัญของผักตระกูลกะหล่ำ เช่น คะน้ากวางตุ้ง กะหล่ำดอก ผักกาดหัว ตัวอ่อนของด้วงหมัดผักชอบกัดกินหรือชอนไชเข้าไปกินอยู่บริเวณโคนต้นหรือรากของผักทำให้ผักเหี่ยวเฉา และไม่เจริญเติบโตถ้ารากถูกทำลายมากๆ ก็อาจทำให้ผักตายได้ ตัวเต็มวัยชอบกัดกินด้านล่างของผิวใบทำให้ใบมีรูพรุน และอาจกัดกินลำต้น และกลีบดอกด้วย 
การป้องกันกำจัด 
    1.การไถตากดินทิ้งไว้ประมาณ 7 – 15 วัน เพื่อทำลายตัวอ่อนและดักแด้ที่อยู่ใต้ดิน 
    2.ไส้เดือนฝอยสไตเนอร์นีมา คาร์โปแคปซี อัตรา 50 ล้านตัว/น้ำ 20 ลิตร พ่นหรือราดลงดินก่อนปลูกหลังการให้น้ำ และพ่นทุก 7 วันหลังปลูก 
    3.ใช้เชื้อแบคทีเรีย (บีที) บาซิลลัส ทูริงเยนซิส เช่น โนโวดอร์เอฟซี โดยพ่นหรือราดทุก 7 วัน 
    4. ใช้สะเดาบดโรยรอบโคนต้น 20 กก.ต่อไร่  ทุก 7 วัน 
    5. สารเคมีที่แนะนำให้ใช้ ดังนี้ 
โทลเฟนไพแรด 16% EC 30 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร , ไดโนทีฟูแรน 10% WP 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร, อะซีทามิพริด 20% SP 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร , ฟิโพรนิล 50 มล.ต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นเมื่อพบการระบาด และควรพ่นสารสลับกลุ่มกลไกการฤทธิ์เพื่อชะลอการสร้างความต้านทานต่อสารฆ่าแมลง
https://drive.google.com/.../1pLamxwr3kF8gAnOZFXB.../view...
ที่มา :
สุภราดา และคณะ 2563. คำแนะนำการป้องกันกำจัดแมลง-สัตว์ศัตรูพืช อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัยจากงานวิจัย.กรมวิชาการเกษตร. กระทรวงเกษตรและสหกรณ์.หน้า 121.
กลุ่มพยากรณ์และเตือนการระบาดศัตรูพืช กองส่งเสริมการอารักขาพืชและจัดการดินปุ๋ย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น