วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

ศทอ.สฎ.ติดตามการระบาดศัตรูพืชและวางแผนแปลงศึกษาด้านดินและปุ๋ย

 วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 นายจิรยุทธ จิตราภิรมย์นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรปฏิบัติการและนายปัญจ์ชิเน เชื้อชาญพล นักวิชาการส่งเสริมการเกษตร ลงพื้นที่ติดตามการระบาดของแปลงผักบางท่าข้ามของนายสมพล ไทยบุญรอด พบว่ามีการเข้าทำลายของด้วงหมัดผักซึ่งด้วงหมัดผักเข้าทำลายทุกระยะ ตัวอ่อนด้วงหมัดผักเข้าไปกินบริเวณรากหรือโคนต้นโคน ทำให้พืชผักเหี่ยวเฉาและไม่เจริญเติบโต ถ้ารากถูกทำลายทำให้พืชตายได้ ตัวเต็มวัยชอบกัดผิวด้านล่างของใบทำให้ใบเป็นรูพรุน และอาจกัดกินผิวลำต้น และกลีบดอกด้วย ด้วงหมัดผักชอบอยู่รวมกันเป็นกลุ่มๆ ตัวเต็มวัยเมื่อถูกกระทบกระเทือนจะกระโดด และสามารถบินได้ไกล นอกจากนี้ทางศูนย์ฯยังได้วางแผนทดสอบด้านดินปุ๋ยสำหรับแปลงผักที่จะทดสอบในครั้งต่อไป ณ แปลงผักบางท่าข้าม ตำบลท่าข้าม อำเภอพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

แนวทางป้องกัน/แก้ไข
1. วิธีเขตกรรม การลดการระบาดของด้วงหมัดผัก สามารถทำได้โดยการไถตากดินไว้เป็นเวลานานพอสมควร เพื่อทำลายตัวอ่อน และดักแด้ที่อาศัยอยู่ในดิน นอกจากนี้ควรเปลี่ยนมาปลูกพืชที่ด้วงหมัดผักไม่ชอบจะเป็นการช่วยลดการระบาดได้อีกทางหนึ่ง
2. การใช้ไส้เดือนฝอยสไตเนอร์นีมา คาร์โปแคปซี (Steinernema carpocapsae) อัตรา 50 ล้านตัวต่อน้ำ 20 ลิตร พ่น หรือราดลงดินก่อนปลูกหลังการให้น้ำ และพ่นทุก 7 วัน เพื่อฆ่าตัวอ่อนด้วงหมัดผักในดิน
3. การใช้สารฆ่าแมลง เช่น คาร์บาริล 85% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ โพรไทโอฟอส 50% EC อัตรา 40 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร ยังคงใช้ได้ผลดีในแหล่งปลูกผักใหม่ๆ ที่มีการระบาดไม่รุนแรง ส่วนในแหล่งที่ปลูกผักเป็นประจำ ควรใช้สารฆ่าแมลง เช่น โทลเฟนไพแรด 16% EC อัตรา 30 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ไดโนทีฟูแรน 10% WP อัตรา 40 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ อะซีทามิพริด 20% SP อัตรา 20 กรัมต่อน้ำ 20 ลิตร หรือ ฟิโพรนิล 5% SC อัตรา 50 มิลลิลิตรต่อน้ำ 20 ลิตร พ่นเมื่อพบการระบาด และควรพ่นสารสลับกลุ่มกลไกการออกฤทธิ์เพื่อชะลอการสร้างความต้านทานต่อสารฆ่าแมลง
4.ใช้กากเมล็ดสะเดาบดสำเร็จรูป โดยใช้2.5กรัมต่อหลุ ม หรือ 20กิโลกรัมต่อไร่ ก่อนใช้ ให้นำกากเมล็ดสะเดาบดมาตากลมเสียก่อนโดยใช้เวลาตากลม ประมาณ 1-2ชั่วโมง






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น